ร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็ง ในระดับพื้นที่

(Area-Based Program for the Community Strength)

มูลนิธิฯได้ทำงานเชิงพื้นที่กับเครือข่าย เพื่อสร้างชุมชนน่าอยู่ ที่มีความเจริญ สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน ในหลายพื้นที่ เช่น ตำบลวัดขวาง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของเครือข่ายในพื้นที่ ร่วมกันแก้ปัญหาของคนในชุมชนอย่างเป็นองค์รวม ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ในมิติด้านสาธารณสุข การศึกษา และการเกษตร เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และยั่งยืน โดยมีพื้นที่ต้นแบบที่บ้านหนองธง ตำบลในกอย อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ซึ่งลุงนัน ชูเอียด เกษตรกรต้นแบบได้สละเวลาและทรัพยากร มาร่วมเป็นทั้งครูของนักศึกษาและ  

ร่วมสร้างศูนย์เรียนรู้ เพื่อการทำเกษตรมูลค่าสูง ด้วยระบบน้ำแรงดันสูงและเลือกพืชที่เหมาะสม

เกษตรกร  ทั้งสามพื้นที่มีโจทย์ร่วมกันคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนและคนหนุ่มสาวไม่กลับบ้าน เป็นสังคมผู้สูงอายุ และมีปัญหาพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเยาวชน และปัญหาพัฒนาการล่าช้าในเด็กเล็ก มูลนิธิฯได้รับความอนุเคราะห์จากลุงนัน ชูเอียด ซึ่งเป็นผู้ที่เคยผ่านการอบรมของมูลนิธิฯ และเป็นเกษตรกรต้นแบบในพื้นที่บ้านในกอย อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ที่สามารถทำเกษตรประณีตด้วยการทำไม้ผลผสมผสานที่สามารถสร้างรายได้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยาว จากประสบการณ์ของลุงนัน ชูเอียด ที่สามารถสร้างเครือข่ายในพื้นที่ จนบ้านในกอยเป็นชุมชนที่สามารถพึ่งตนเองได้ ปลอดจากโจร ขโมย ไม่มีเด็กแว๊น เด็กติดยา ชุมชนมีความสงบ น่าอยู่ ลูกหลานเรียนจบแล้วกลับไปสานงานที่บ้านต่อ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทั้งสามชุมชน และหลังจากได้ไปเรียนรู้ที่บ้านในกอย โดยการสนับสนุนของมูลนิธิฯ จึงได้เริ่มนำแนวคิดของลุงนันมาปรับใช้ โดยเฉพาะที่อำเภอขุนหาญ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างศูนย์เรียนรู้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถสร้างระบบน้ำ ปรับปรุงดิน และเลือกพืชที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถสร้างได้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้นักเรียนได้เข้ามาร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกับเกษตรกรที่สนใจ โดยมีแกนนำหลักคือแพทย์หญิงรัชฎาพร รุญเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขุนหาญ และคณะร่วมทำงานกับทีมของมูลนิธิ มาตั้งแต่ เดือนกันยายน 2567

โครงการสร้างผู้ประกอบการเกษตรแนวใหม่

ปีการศึกษา 2563 มูลนิธิฯ ได้ขยายโครงการสู่ภาคเกษตร โดยการทำงานร่วมกับ สถาบันการศึกษาหลายแห่ง เช่น วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้นักศึกษาในโครงการได้เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ โดยมีทีม BCL และคณาจารย์ชวนสะท้อนคิด เพื่อให้เกิดทักษะการเกษตร และทักษะการเป็นผู้ประกอบการ โดยเน้นกระบวนการบ่มเพาะให้เกิดคุณลักษณะที่เป็นคนซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบ อดทน และคิดถึงผู้อื่นในรูปแบบการเรียนรู้เชิงประจักษ์ (Empirical Learning) ซึ่งจากโครงการที่มูลนิธิฯทำงานร่วมกับ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 ด้วยหลักสูตรที่พัฒนาร่วมกัน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ (สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ page เด็ก แบก จอบ และยุวชนคนเกษตร) นั้น ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช และคณะได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมกระบวนการพัฒนานักศึกษา เมื่อวันที่ 5 – 6 กันยายน 2567 และท่านอาจารย์ได้สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการพัฒนานักศึกษาที่มูลนิธิฯทำงานร่วมกับคณาจารย์และนักศึกษา ก่อให้เกิด Transformative Learning ในตัวนักศึกษา จากการลงมือปฏิบัติแล้วสะท้อนคิด ด้วยวง Reflection แบบก้าวหน้า มีข้อความสำคัญหลายข้อความที่ท่านอาจารย์วิจารณ์ ได้พูดกับที่ประชุมเช่น

“ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนวัตกรรมหลักสูตรในประเทศไทยแบบนี้”

“BCL เป็นที่ชุมนุมของคนที่มีจิตสาธารณะ”

“น่าจะนำไปสู่ประโยชน์ของประเทศได้มาก มากกว่าที่เราคิดแบบธรรมดาๆ แบบยอมรับอยู่ในกรอบทั้งหลาย จะมากกว่าเมื่อเรากล้าที่จะออกนอกกรอบ รวมตัวกันออกนอกกรอบ การที่มี BCL มาทำงานอย่างนี้คือการออกนอกกรอบ”

และน่าจะนำเอาแนวทาง “พัฒนามิติความเป็นมนุษย์” ไปใช้ในหลักสูตรอื่นๆด้วย

โครงการโรงเรียนในสถานประกอบการ

ในขณะที่สำรวจข้อมูลเพื่อเตรียมอบรมครู มูลนิธิฯพบปัญหาในอีกด้านคือเด็กๆในโรงเรียนขยายโอกาสซึ่งส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ไม่สามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นและไม่สามารถประกอบอาชีพที่พอจะเลี้ยงตัวเองได้ รวมทั้งปัญหาค่านิยมในการเรียนต่อสายสามัญในขณะที่ตลาดขาดแคลนแรงงานสายวิชาชีพ และปัญหาคุณภาพผู้เรียนไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน มูลนิธิฯจึงทำข้อตกลงความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เด็กๆได้มีโอกาสศึกษาในระดับ ปวช.สาขาช่างกล ช่างยนต์ ช่างทองหลวง การโรงแรม การบัญชี ออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้า แม๊กคาทรอนิค เพื่อจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนโดยทำงานร่วมกับบุคคลากรวิชาชีพสถานประกอบการจริงตามสาขาที่เลือก   และจัดให้มีที่พัก อาหาร และเบี้ยเลี้ยงระหว่างเรียน เพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ปกครอง โดยมีนักเรียนเข้าโครงการในช่วงปี 2558 ถึง 2567แล้วรวม 1,133  คน 

นักเรียนที่จบจากโครงการร้อยเปอร์เซ็นต์สามารถมีงานทำ โดยไม่มีข้อผูกมัดจากโครงการ(ไม่ต้องใช้ทุนคืน)และจากการบ่มเพาะและฝึกฝนในสถานประกอบการทำให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะ และทักษะตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นและส่วนใหญ่ให้ค่าจ้างในอัตราที่สูงกว่าผู้จบในระดับเดียวกันในระบบปกติ

มิติใหม่การศึกษาไทย เพื่อสร้างคนดี คิดเป็น ทำเป็น

มูลนิธิ BCL ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาครู และสร้างคุณภาพการจัดกระบวนการเรียนรู้ ในช่วงปี 2557 ถึง 2562 ให้กับครูและผู้บริหารสถานศึกษากว่า 200 โรงเรียนทั่วประเทศ มีครูและผู้บริหารผ่านการอบรมกว่า 6,000 คน

จากปัญหาต่างๆของประเทศไทยที่กล่าวข้างต้น เมื่อวิเคราะห์แล้วส่วนใหญ่มักจะลงเอยว่าต้นเหตุมาจากระบบการศึกษาที่ไม่ดี มูลนิธิฯได้ทำการศึกษาวิจัยจากหลายหลายประเทศทั่วโลกพบว่าประเทศที่มีการศึกษาที่มีคุณภาพ มีปัจจัยสำคัญอยู่สองประการคือคุณภาพครูและการจัดกระบวนการเรียนการสอน และเป้าหมายสำคัญของการศึกษาในประเทศที่เจริญแล้ว จะมุ่งเน้นที่การสร้างคุณลักษณะของคน(Characteristics) มูลนิธิฯจึงได้ออกแบบหลักสูตรเพื่อใช้จัดอบรมสัมมนาครูทั่วประเทศดังที่กล่าวมาข้างต้น ผลจากการอบรมสัมมนาคุณครูทุกคนสะท้อนเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นการอบรมสัมมนาที่ดีมากและไม่เคยได้รับการอบรมเช่นนี้มาก่อนแต่เป็นที่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่เมื่อกลับสู่วิถีการทำงานในระบบเดิมมักจะมีเหตุติดขัดไม่สามารถนำไปใช้ได้เต็มที่นัก แต่สำหรับโรงเรียนที่นำความรู้ที่ได้จากการสัมมนาไปปฏิบัติก็จะเกิดผลเป็นรูปธรรม เช่นโรงเรียนวัดเทพนิมิตร จังหวัดภูเก็ต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต จากเดิมเป็นโรงเรียนที่มีปัญหาคุณภาพนักเรียนตกต่ำ การประเมินในระดับประเทศอยู่ระดับท้ายท้ายของจังหวัดแต่หลังจากผ่านการอบรมสัมมนาไปสองปีโรงเรียนสามารถพัฒนาขึ้นมาติดเป็นอันดับเก้าของจังหวัดภูเก็ต  อีกโรงเรียนที่จะขอกล่าวถึงคือโรงเรียนสิ่นหมิน จังหวัดพิษณุโลก เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มพ่อค้าชาวจีนในจังหวัดพิษณุโลก ที่มีปัญหาคุณภาพของผู้เรียนตกต่ำ จนจำนวนนักเรียนลดลงเหลือไม่ถึง 500 คนแต่หลังจากมูลนิธิฯ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาครูและกระบวนการการเรียนการสอนให้ผู้บริหารและครูทั้งโรงเรียน ภายในเวลาสองปีคุณภาพการเรียนการสอนได้รับการพัฒนา ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองจนมีนักเรียนเพิ่มขึ้นกว่า 900 คน อย่างไรก็ตามโรงเรียนส่วนใหญ่ที่ผ่านการอบรมสัมมนาก็ได้เป็นเครือข่ายในการคัดเลือกนักเรียนที่ขาดโอกาสให้ได้มาเข้าร่วมโครงการโรงเรียนในสถานประกอบการของมูลนิธิฯและโครงการสร้างผู้ประกอบการเกษตรแนวใหม่ ในโอกาสต่อมา

กิจกรรมพิเศษเพิ่มเติม

ในบางช่วงเวลาที่มีวิกฤติการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละภูมิภาค ทางมูลนิธิได้จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กับสมาชิกเฉพาะบางจังหวัดเพิ่มเติม โดยรูปแบบเป็นการจัดสัมมนาตามหัวข้อพิเศษ อาทิเช่น ในช่วงวิกฤติการณ์การเงินโลก ภาวะการเปลี่ยนแปลงบนเวทีโลก รวมไปถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ   อาทิเช่น

  • การจัดกิจกรรม เสวนาเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับทางความคิด ลูกศิษย์ BCL ให้ทำงานได้กว้างขวางขึ้น เฉลี่ยปีละหนึ่งครั้ง
  • การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “ ความคิดริเริ่มในสังคมไทยและวิกฤติการณ์การเงินโลก ” ในวันที่ 12-14 ธันวาคม 2551
  • ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เมื่อต้นปี พ.ศ.2554 หลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ 3 ครั้งเพื่อจัดทำแผนฟื้นฟูผู้ประสบภัยอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งชี้แนะแนวทางพัฒนาใหม่ๆเพื่อขยายประสิทธิผลและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต  ด้วยการให้ข้อมูลและจัดให้มีการดูงานเพิ่มเติมเพื่อให้นำไปต่อยอดการพัฒนาด้วยตนเอง ถือเป็นมิติใหม่ของการอบรมลักษณะนี้

โครงการสัมมนาหลักสูตร “การพัฒนาภาวะผู้นำและเครือข่าย ” (LDN)

เป็นหลักสูตรที่จัดให้มีการสร้างเครือข่ายของสมาชิกศิษย์เก่าร่วมกับตัวแทนจากองค์กรต่างๆ เช่นสถาบันการศึกษา ตัวแทนจากองค์กรภาครัฐและภาคสังคมที่ล้วนมีบทบาทเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ดำเนินอยู่ เพื่อให้เครือข่ายดังกล่าวลดอุปสรรคการเรียนรู้เพื่อมุ่งที่จะยกระดับกระบวนการทางความคิดและจิตใจ  เป็นการสร้างเสริมพลังในการขับเคลื่อนภาคสังคมได้อย่างต่อเนื่องและดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเป็นรูปธรรม  จัดอบรมในปี 2553 รวม 1 รุ่น จำนวน 50 คน

โครงการสัมมนา “ การพัฒนาภาวะผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ ” (Y-BCL)

เป็นหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ โดยมุ่งให้ค้นหาตัวเอง และพัฒนารูปแบบความคิดทั้งระบบพร้อมทักษะที่จำเป็นต้องใช้ เน้นการเสริมสร้างความรู้ด้านการจัดการธุรกิจ อีกทั้งพัฒนาวิสัยทัศน์ให้มีมุมมองที่กว้างไกล สร้างเสริมและพัฒนาจิตวิญญาณของความเป็นผู้ประกอบการที่ดี รับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม   จัดอบรมตั้งแต่ปี 2550-2552รวม 3 รุ่นมีผู้ผ่านการอบรมรวม  103 คน

โครงการสัมมนา “ การพัฒนาภาวะผู้นำท้องถิ่น ” (CLD)

เนื้อหาหลักสูตรมุ่งเน้นที่การขยายศักยภาพของภาวะผู้นำท้องถิ่นให้มีวิสัยทัศน์  มีความรู้ด้านการบริหาร จัดการ และการตระหนักรู้ถึงปัญหาของชุมชนเพื่อนำไปต่อยอดทางความคิดให้มองเห็นปัญหาที่แท้จริงของชุมชนของตนและมีเครื่องมือในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องและตรงประเด็น  จัดอบรมตั้งแต่ปี 2547-2553 รวม 9 รุ่นมีผู้ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอบรมหลากหลายอาชีพ เช่น นักธุรกิจ ผู้นำชุมชน ครู อาจารย์ ตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและองค์กรอิสระ รวม  503 คน

โครงการสัมมนา “การพัฒนาภาวะผู้นำท้องถิ่น”(CLD)  ก็เช่นกันมีหลายคนสามารถไปขับเคลื่อนงานในชุมชนให้เป็นรูปธรรมที่เด่นชัดที่พอจะยกตัวอย่างได้คือ ลุงนัน ชูเอียด บ้านหนองธง ตำบลในกอย อำเภอป่าบอนจังหวัดพัทลุง ที่สามารถสร้างธุรกิจครอบครัวให้มีความมั่นคงเข้มแข็งด้วยอาชีพเกษตรกรรมที่ตอบโจทย์รายได้สูงอย่างผู้ประกอบการเกษตรที่มีหลักคิดใช้ตลาดนำ และทำเกษตรยั่งยืนด้วยไม้ผลผสมผสานที่สามารถสร้างรายได้ทั้งรายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน และปลูกไม้ยืนต้นที่จะสามารถสร้างรายได้ในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถสร้างเครือข่ายแบ่งปันองค์ความรู้จากประสบการณ์ของตนเองและครอบครัวให้คนในชุมชนและกระจายออกไปทั่วทั้งอำเภอ เป็นเครือข่ายที่มีความเข้มแข็งจนสามารถสร้างให้ชุมชนเป็นชุมชนต้นแบบที่มีความเข้มแข็ง ไม่มีปัญหายาเสพติด ไม่มีโจรขโมยและผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

โครงการสัมมนา “การพัฒนาภาวะผู้นำธุรกิจและชุมชน”(BCL)

เนื้อหาหลักสูตรมุ่งเน้นที่การพัฒนาภาวะผู้นำทางธุรกิจและชุมชนให้มีวิสัยทัศน์  ด้วยการขยายขีดความสามารถ(Capacity)ของภาวะผู้นำ  เพิ่มความรู้และทักษะในการจัดการ พร้อมทั้งบ่มเพาะมโนสำนึกที่จะประกอบสัมมาอาชีพของตนและครอบครัวด้วยตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อคนรอบข้าง ชุมชนและสังคมโดยส่วนรวม   หลักสูตร BCL  ได้จัดอบรมมาตั้งแต่ปี 2546-2552 รวม 16 รุ่น มีผู้ผ่านการอบรมซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศรวม  840 คน

ผู้ที่ผ่านโครงการสัมมนาหลักสูตร“การพัฒนาภาวะผู้นำธุรกิจและชุมชน”(BCL) ส่วนใหญ่ได้รับการยกระดับให้สามารถไปประกอบกิจการส่วนตนได้ดีขึ้นและบางส่วนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมเพื่อชุมชนและสังคม หลายคนได้มาช่วยงานขับเคลื่อนงานสร้างคนและสร้างชุมชนเข้มแข็งของมูลนิธิฯมาจนถึงปัจจุบัน

Product has been added to your cart